บทบาทของเทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้ในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร
ดร.กฤษฎา แก้ววัดปริง
ที่ปรึกษาสำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ
อธิบายถึงบทบาทของเทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้ในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร
สมาร์ทซิตี้มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานครผ่านระบบและเทคโนโลยีต่างๆ ดังนี้
1. การตรวจวัดและเฝ้าระวัง
- ติดตั้งเครือข่ายเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศทั่วเมือง เพื่อวัดระดับฝุ่น PM2.5 แบบเรียลไทม์
- ใช้กล้อง CCTV อัจฉริยะตรวจจับแหล่งกำเนิดมลพิษ เช่น การเผาในที่โล่ง หรือรถควันดำ
- ระบบ IoT ในอาคารเพื่อติดตามคุณภาพอากาศภายในอาคาร
2. การวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล
- ใช้ Big Data และ AI วิเคราะห์แนวโน้มและคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น
- สร้างแผนที่คุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์เพื่อแสดงพื้นที่เสี่ยง
- วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดฝุ่น เช่น สภาพอากาศ การจราจร
3. การแจ้งเตือนและให้ข้อมูล
- แอปพลิเคชันแจ้งเตือนระดับฝุ่นแก่ประชาชน
- ให้คำแนะนำการป้องกันตัวตามระดับความรุนแรงของฝุ่น
- แจ้งเส้นทางที่มีฝุ่นน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง
4. การบริหารจัดการ
- ระบบควบคุมการจราจรอัจฉริยะเพื่อลดความหนาแน่นในพื้นที่วิกฤต
- บริหารจัดการพื้นที่สีเขียวด้วยระบบรดน้ำอัตโนมัติและการดูแลต้นไม้
- ควบคุมการก่อสร้างในช่วงวิกฤตผ่านระบบติดตามแบบเรียลไทม์
5. การมีส่วนร่วมของประชาชน
- แพลตฟอร์มรับแจ้งเหตุแหล่งกำเนิดมลพิษผ่านแอปพลิเคชัน
- ระบบรายงานคุณภาพอากาศแบบมีส่วนร่วมจากประชาชน
- การสร้างความตระหนักรู้ผ่านสื่อดิจิทัล
ดร.กฤษฎา แก้ววัดปริง ได้สรุปตอนท้ายว่าการใช้เทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้เหล่านี้ช่วยให้การจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5 มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการแก้ไขปัญหา โดยอาศัยข้อมูลที่แม่นยำและการตอบสนองที่รวดเร็วอีกด้วย