บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกบอกให้ทุกคน "ใจร่มๆ" เรื่องฟองสบู่ AI

 

เนื้อหาข่าวน่าสนใจมากครับ ผมเรียบเรียงมาให้แบบเน้นๆ อ่านจบเข้าใจภาพรวมตลาดตอนนี้เลย

ความกังวลที่ว่าวงการ AI กำลังจะเป็น "ฟองสบู่" (Bubble) นั้นคุกรุ่นมาเป็นปีแล้วครับ แต่ผลประกอบการล่าสุดของ Nvidia เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พยายามจะตบเท้าออกมาพิสูจน์ว่าความกลัวนั้นมันไร้สาระ... แต่ดูเหมือนว่าตลาดอาจจะยังไม่เชื่อสนิทใจซะทีเดียว

ตัวเลขที่ (ยังคง) พุ่งทะยาน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Nvidia ประกาศยอดขายและกำไรที่โตขึ้นกว่า 60% เมื่อเทียบปีต่อปี (YoY) ซึ่งสูงกว่าที่ Wall Street คาดการณ์ไว้เสียอีก

  • Jensen Huang ซีอีโอคนดังถึงกับบอกว่า "ยอดขายมันพุ่งทะลุกราฟไปแล้ว" (Sales are off the charts)
  • คาดการณ์รายได้ไตรมาส 4 ไว้ที่ราวๆ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งก็ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

ผู้บริหารของ Nvidia ย้ำชัดครับว่า ตัวเลขพวกนี้ บวกกับการเติบโตของผู้เล่นเจ้าอื่นๆ ในตลาด และเม็ดเงินมหาศาลที่ถูกอัดฉีดลงไปในโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เป็นหลักฐานชั้นดีว่า "ความกลัวเรื่องฟองสบู่ AI นั้น ตื่นตูมกันไปเอง"

"มีคนพูดกันเยอะเรื่องฟองสบู่ AI... แต่จากจุดที่เรายืนอยู่ เราเห็นภาพที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง" — Jensen Huang กล่าว

ตลาดยัง "แทงกั๊ก" ถึงแม้ผลจะออกมาดี แต่ตลาดหุ้นยังไม่ได้เฮรับขนาดนั้นครับ หุ้น Nvidia (NVDA) มีดีดขึ้นช่วงสั้นๆ ก่อนจะปิดลบเล็กน้อย เหมือนกับว่า Nvidia ตอบคำถามได้หลายข้อก็จริง แต่มันยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนกระแสความกังวลของภาพรวมตลาดได้ทั้งหมด

โครงสร้างพื้นฐานยังโตไม่หยุด (Not to burst your bubble)

Colette Kress ซีเอฟโอของ Nvidia ออกมาให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ:

  • คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI จะแตะระดับ 3-4 ล้านล้านดอลลาร์ ต่อปี ภายในสิ้นทศวรรษนี้
  • ปีนี้ปีเดียว บริษัทยักษ์ใหญ่ Tech Giants เตรียมเทงบลงทุน (Capex) กว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับความต้องการ AI และ Cloud (และเพื่อไม่ให้ตกรบวนแข่งกับคู่แข่งด้วย)

เกราะป้องกันของ Nvidia Jensen Huang ชี้ให้เห็นจุดสำคัญว่า ต่อให้แอปพลิเคชัน AI ใหม่ๆ อาจจะทำเงินได้ช้ากว่าที่คิด แต่ Nvidia ก็ยังรอด เพราะ?

  • โลกเรามีการลงทุนมหาศาลในซอฟต์แวร์ที่ไม่ใช่ AI (Non-AI software) เช่น การประมวลผลข้อมูล หรือการจำลองทางวิทยาศาสตร์
  • ซอฟต์แวร์พวกนี้กำลังย้ายฐานจากชิป CPU รุ่นเก่า มาวิ่งบน GPU ของ Nvidia แทน
  • นี่คือฐานที่มั่นที่แข็งแกร่ง แม้กระแส Generative AI จะสะดุดก็ตาม

ลูกค้าช่วยยืนยัน (ของเขาดีจริง) คุณ Kress ยังงัดตัวเลขของลูกค้ามาโชว์ด้วยว่าใช้ของ Nvidia แล้วดียังไง:

  • Meta: ระบบ AI แนะนำคอนเทนต์ทำให้คนเล่น Facebook และ Threads นานขึ้น
  • Anthropic: คาดรายได้ปีนี้แตะ 7 พันล้านดอลลาร์
  • Salesforce: ทีมวิศวกรเขียนโค้ดมีประสิทธิภาพขึ้น 30% เพราะใช้ AI

มุมมองกระทิง vs ความกังวลที่ยังไม่จางหาย

นักวิเคราะห์ฝั่งที่เชียร์ (Bulls) อย่าง Dan Ives จาก Wedbush มองว่า นี่ไม่ใช่ฟองสบู่ แต่เราเพิ่งจะอยู่แค่ "ปีที่ 3 ของการสร้างรากฐานยาว 10 ปี" ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ในขณะที่ Morningstar มองว่าช่วงหุ้นย่อตัวนี่แหละ คือโอกาสซื้อ

แต่... ความเสี่ยงก็ยังมี (Fears remain) ตลาดหุ้นยังไม่วางใจ 100% ครับ เพราะ:

  1. ความยั่งยืน: บริษัท Tech จะทุ่มเงินมหาศาลแบบนี้ไปได้ตลอดจริงหรือ?
  2. การเงินของลูกค้า: Nvidia ไปลงทุนในลูกค้าตัวเองที่ยังขาดทุนอยู่ (เช่น OpenAI, Anthropic)
  3. สัญญาณเตือน: ซีเอฟโอของ OpenAI เคยเปรยๆ ว่ารัฐบาลควรเข้ามาช่วยค้ำประกันหนี้สำหรับการสร้าง AI Infrastructure ซึ่งทำเอานักลงทุนสะดุ้งกันเป็นแถว (แม้จะพยายามแก้ข่าวทีหลัง)

Daniel Morgan ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอจาก Synovus Trust สรุปได้เจ็บแสบว่า รายงานผลประกอบการรอบนี้ ไม่ได้ทำให้คำถามเรื่องความยั่งยืน "จบลง" (Put to rest) แต่มันเหมือนแค่ "เตะถ่วง" (Punted) ไปลุ้นกันต่อในไตรมาสหน้ามากกว่า

สรุปคือ Nvidia ยังมีการบ้านชิ้นโตที่ต้องทำต่อไป เพื่อพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า นี่คือ "ยุคทอง" (Boom) ของจริง ไม่ใช่แค่ภาพลวงตาที่จะ "พังทลาย" (Bust) ในที่สุดครับ

#DRKRIT drkrit.com #กระแสไอที #ข่าวไอที #ไทยสมาร์ทซิตี้