เทคโนโลยีไล่ล่าอาชญากร: เมื่อ AI ของ Flock Safety ช่วยปิดคดีดัง แต่พ่วงมาด้วยคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัว
แป
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสติดตามบทสัมภาษณ์ของ Garrett Langley CEO ของ Flock Safety ยูนิคอร์นด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยมูลค่ากว่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท) ซึ่งกำลังถูกจับตามองอย่างมากในขณะนี้
เบื้องหลังการรวบตัวผู้ต้องหาคดียิงในมหาวิทยาลัย Brown
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการสัมภาษณ์ ตำรวจเมืองโพรวิเดนว์ได้ประกาศความสำเร็จในการระบุตัวและจับกุม Claudio Neves Valente ผู้ต้องสงสัยคดียิงในมหาวิทยาลัย Brown และผู้สังหารศาสตราจารย์ MIT โดยอาศัยเทคโนโลยีของ Flock นี่แหละ
หัวใจสำคัญของเทคโนโลยีนี้คือ
- กล้อง LPR (LPR (License Plate Recognition): กล้องอัจฉริยะที่ไม่ได้อ่านแค่ป้ายทะเบียน แต่ AI สามารถจำแนกรายละเอียดรถ สี ยี่ห้อ หรือแม้แต่ตำหนิต่างๆ ได้
- ระบบค้นหาอัจฉริยะ: แม้ผู้ร้ายจะเปลี่ยนป้ายทะเบียน แต่ AI ของ Flock ยังสามารถแกะรอยจากลักษณะเฉพาะของตัวรถจนเจอพิกัดล่าสุดได้
แม้ผลงานจะเข้าตา แต่กระแสต่อต้านก็แรงไม่แพ้กันครับ องค์กรด้านสิทธิพลเมืองอย่าง ACLU และ EFF ได้ออกมาเตือนว่า ระบบนี้กำลังกลายเป็น "เครื่องจักรเฝ้าระวัง AI" (AI Surveillance Machinery) ที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลมากเกินไป
กรณีศึกษาที่น่ากังวล
- การเนรเทศ: เมืองเรดมอนด์สั่งระงับใช้กล้อง Flock หลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ICE) นำข้อมูลไปใช้ติดตามเพื่อเนรเทศคน
- การคุกคาม: ในรัฐจอร์เจีย มีเคสหัวหน้าตำรวจใช้ข้อมูลจากกล้องไปสะกดรอยตามและคุกคามบุคคลจนถูกจับกุม
CEO ตอบกลับ: "มือถือที่คุณถืออยู่นั่นแหละ น่ากลัวกว่ากล้องผมอีก"
Langley ตอบโต้ประเด็นความเป็นส่วนตัวได้อย่างน่าสนใจครับ เขาบอกว่า "ถ้าคุณกังวลเรื่องการถูกเฝ้าระวัง กล้องอ่านป้ายทะเบียนคือวิธีที่โง่ที่สุด เพราะสมาร์ทโฟนในมือคุณนั่นแหละที่รู้ตำแหน่งที่ชัดเจนของคุณตลอดเวลา"
เขาย้ำว่าปัญหาจริงๆ ไม่ใช่ที่เทคโนโลยี แต่เป็น "ความเชื่อใจที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ" ซึ่งหน้าที่ของเขาคือสร้างเครื่องมือที่มี "Guardrails" หรือระบบตรวจสอบ (Audit trails) เพื่อให้รู้ว่าใครเข้าถึงข้อมูลเมื่อไหร่ และต้องลงโทษคนผิดกฎหมายอย่างจริงจัง
ก้าวต่อไป: ฝูงโดรน AI เหนือน่านฟ้า
ล่าสุด Flock ได้ขยับไปอีกขั้นด้วยบริการ "Drone as First Responder" โดยส่งโดรนติดกล้อง AI บินไปถึงจุดเกิดเหตุก่อนตำรวจตัวจริงจะไปถึง ซึ่งในไตรมาส 3 ปี 2025 นี้มีการบินไปแล้วกว่า 10,000 เที่ยวบิน!
Langley ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดครับว่า "ผมไม่ได้ถูกเลือกมาเป็นประธานาธิบดีหรือผู้บัญชาการตำรวจ หน้าที่ของผมคือสร้างเครื่องมือและวางระบบป้องกัน ส่วนการจะนำไปใช้อย่างไรนั้น เป็นหน้าที่ของแต่ละเมืองที่จะตัดสินใจกันเอง"
ถือเป็นประเด็นที่น่าคิดนะครับว่า ในยุค Smart City เราจะรักษาสมดุลระหว่าง "เมืองที่ปลอดภัย" กับ "สิทธิส่วนบุคคล" ได้อย่างไร แล้วคุณล่ะครับ... ยอมให้มีกล้อง AI ส่องหน้าบ้านเพื่อแลกกับการจับโจรได้เร็วขึ้นไหม?
#DRKRIT drkrit.com #กระแสไอที #ข่าวไอที #ไทยสมาร์ทซิตี้