Oura Ring: จากแหวนวงเล็กๆ สู่ความมั่งคั่งระดับพันล้าน พร้อมรับศึกยักษ์ใหญ่ Apple-Samsung
ถ้าพูดถีงไอเทมข้างกายที่เหล่า CEO และเซเลบริตี้ระดับโลกอย่าง Jennifer Aniston, Gwyneth Paltrow หรือแม้แต่เจ้าพ่อไอทีอย่าง Michael Dell ใส่ติดนิ้วไว้ตลอดเวลา ไม่ใช่แหวนเพชรราคาแพงที่ไหน แต่คือ "Oura Ring" แหวนติดตามสุขภาพที่ไม่มีหน้าจอ น้ำหนักเบาหวิว แต่กำลังทำรายได้พุ่งทะยานสู่ 1,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 นี้
ทำไมใครๆ ก็รักแหวน Oura?
จุดเด่นที่ทำให้ Oura ครองใจคนดังคือความ "เรียบง่ายแต่แม่นยำ" ครับ ตัวแหวนเน้นตรวจวัดการนอนหลับ กิจกรรมทางกาย และสัญญาณชีพต่าวๆ จากนิ้วมือ ซึ่งทาง Oura เคลมว่าการวัดจากนิ้วมือนั้นให้ผลแม่นยำกว่าที่ข้อมือแบบสมาร์ทวอทช์ แถมยังตอบโจทย์คนที่อยาก "พักสายตาจากหน้าจอ" (Screen-free) แต่ยังต้องการข้อมูลสุขภาพที่ครบถ้วน
ก้าวต่อไปเมื่อยักษ์ใหญ่บุกตลาด
ตอนนี้สนามแข่งเริ่มเดือดขึ้น เมื่อ Big Tech อย่าง Samsung เปิดตัว Galaxy Ring และ Apple ก็เริ่มเสริมฟีเจอร์สุขภาพใน Apple Watch และ AirPods มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ Tom Hale CEO ของ Oura ไม่ได้ตื่นตระหนก เขามีแผนรับมือที่น่าสนใจมาก
- เชื่อมต่อทั้งร่างกาย: Oura อาจไม่ได้หยุดแค่แหวน แต่อาจขยายไปสู่การวัดคลื่นสมองผ่านหู หรือวัดอุณหภูมิร่างกายจากลำตัว โดยเน้นการ "จับมือ" กับพาร์ทเนอร์เฉพาะทางมากกว่าจะทำเองทั้งหมด
- ใช้สมาร์โฟนเป็นตัวช่วย: Hale มองว่าสมาร์ทโฟนคือเครื่องมือประมวลผลชั้นยอด ในอนาคต Oura อาจใช้ไมโครโฟนมือถือวิเคราะห์เสียงไอเพื่อดูอาการป่วย หรือวิเคราะห์เสียงพูดเพื่อเช็คระดับความเครียด
- AI คือหัวใจสำคัญ: Oura เพิ่งเปิดตัวผู้ช่วย AI ที่ช่วยตอบคำถามเรื่องการนอน และในอนาคต AI จะช่วยเชื่อมข้อมูลจากแหวนเข้ากับประวัติการรักษาทางการแพทย์ เพื่อให้เห็นภาพรวมสุขภาพที่ชัดเจนขึ้น
จุดที่ Oura มั่นใจว่าจะสู้ยักษ์ใหญ่ได้คือ "ความเป็นอิสระ" เพราะ Oura ใช้งานได้ดีทั้งกับ iPhone และ Android ไม่ล็อคระบบเหมือนค่ายอื่น และที่สำคัญคือเรื่อง "ความเป็นส่วนตัว" ของข้อมูลสุขภาพ ซึ่ง Hale เชื่อว่าผู้ใช้งานไว้ใจบริษัทอิสระมากกว่ายักษ์ใหญ่ที่อาจนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น
แม้ว่า Oura จะมีค่าตัวเริ่มต้นที่ 349 ดอลลาร์ (ประมาณ 12,000 บาท) แถมยังมีค่าสมาชิกรายเดือนอีก 6 ดอลลาร์ แต่ด้วยการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เน้นเรื่อง "การฟื้นฟูร่างกาย" (Recovery) และ "ความเครียด" (Stress) ที่ลึกซึ้งกว่าคู่แข่ง ทำให้ Oura ยังคงเป็นเบอร์ต้นๆในใจคนที่รักสุขภาพจริงๆ
ถือเป็นก้าวย่างที่น่าจับตามองครับว่า แหวนวงเล็กๆ นี้จะต้านทานพลังของเหล่ามหาอำนาจเทคโนโลยีได้นานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ Oura กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนรักสุขภาพยุคใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว