คุยอะไรกับ AI ของ Meta ไว้ เตรียมตัว! ข้อมูลแชตของคุณกำลังจะกลายเป็นโฆษณา

 

นิวยอร์ก เตรียมตัวกันให้ดีครับ เพราะอีกไม่นานนี้ Meta จะนำสิ่งที่คุณพูดคุยกับ AI แชตบอตของพวกเขา มาใช้เพื่อขายของให้คุณได้ตรงจุดยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศว่า บทสนทนาและการโต้ตอบของผู้ใช้งานกับ Meta AI จะถูกนำมาใช้เพื่อยิงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจส่วนบุคคลได้แม่นยำกว่าเดิม โดยผู้ใช้งานจะเริ่มได้รับการแจ้งเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ในสัปดาห์หน้า แต่จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ธันวาคมนี้

ปัจจุบัน Meta ก็ยิงโฆษณาหาเราโดยอิงจากสิ่งที่เราโพสต์, สิ่งที่เรากดไลก์กดคลิก รวมถึงผู้คนที่เราเชื่อมต่อด้วยบนโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทำให้ Meta สามารถ "อนุมาน" ได้ว่าเราน่าจะสนใจซื้ออะไร แต่การนำข้อมูลจากแชตบอตมาใช้จะล้ำไปอีกขั้น เพราะในบทสนทนาเหล่านั้น เราอาจจะบอกกับบริษัทไปตรงๆ เลยว่ากำลังหาซื้ออะไร, กำลังจะไปเที่ยวที่ไหน หรือกำลังมีปัญหาอะไรที่สินค้าบางอย่างอาจช่วยแก้ได้

นอกจากเรื่องโฆษณาแล้ว ข้อมูลจาก Meta AI จะถูกนำไปใช้เพื่อตัดสินใจว่าจะแสดงคอนเทนต์ประเภทไหนบนหน้าฟีดของเราด้วยครับ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณคุยกับแชตบอตเรื่องการเดินป่า ระบบก็จะเรียนรู้ว่าคุณสนใจกีฬานี้ และจะเริ่มแสดงคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการเดินป่าให้คุณเห็นมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ก็สร้างแรงกดดันให้ Meta มากขึ้นเช่นกัน ในการที่จะต้องป้องกันไม่ให้บทสนทนาที่เป็นเรื่องส่วนตัวหรือละเอียดอ่อน (เช่น เรื่องความสัมพันธ์ ซึ่งตอนนี้มีหลายคนใช้แชตบอตเหมือนเป็นนักบำบัดส่วนตัว) นำไปสู่การแนะนำคอนเทนต์ที่อาจส่งผลเสียหรือเป็นอันตรายได้

"เช่นเดียวกับบริการอื่นๆ ที่ปรับตามความสนใจส่วนบุคคล เราปรับแต่งโฆษณาและคอนเทนต์ที่คุณเห็นตามกิจกรรมของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าประสบการณ์ของคุณจะพัฒนาไปพร้อมกับความสนใจที่เปลี่ยนไป" Meta กล่าวในบล็อกโพสต์ "หลายคนคาดหวังว่าการโต้ตอบของพวกเขาจะทำให้สิ่งที่เห็นมีความเกี่ยวข้องมากขึ้น ในไม่ช้า การโต้ตอบกับ AI ก็จะเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่เราใช้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้"

Meta AI มีผู้ใช้งานรายเดือนถึง 1 พันล้านคน แม้จะยังไม่ชัดเจนว่ามีการใช้งานบ่อยแค่ไหนก็ตาม โดยเราสามารถคุยกับแชตบอตนี้ได้ทั้งผ่าน Facebook, Instagram, WhatsApp หรือแอป Meta AI โดยตรง ซึ่งธุรกิจโฆษณาของบริษัทก็ทำเงินมหาศาลอยู่แล้ว แค่ไตรมาสที่แล้วไตรมาสเดียว บริษัททำรายได้จากโฆษณาไปถึง 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหุ้นของ Meta (META) ก็เพิ่มขึ้นเกือบ 20% ตั้งแต่ต้นปี ทำให้มูลค่าตามราคาตลาด (market cap) พุ่งไปถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 1 ตุลาคม

ในขณะเดียวกัน หลายคนในซิลิคอนแวลลีย์เชื่อว่า เทรนด์การชอปปิงออนไลน์ในอนาคตจะเปลี่ยนไปอยู่บน AI แชตบอตมากขึ้น แทนที่จะเป็นการค้นหาบน Google หรือเลื่อนดูโซเชียลมีเดียเหมือนเคย โดยคู่แข่งอย่าง OpenAI ก็เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าบางอย่างได้โดยตรงผ่าน ChatGPT ไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แม้ว่าปัจจุบันธุรกิจของพวกเขายังไม่ได้อิงกับโฆษณาก็ตาม

สำหรับผู้ใช้ Meta จะยังคงมีตัวเลือกในการใช้เครื่องมือ "การตั้งค่าโฆษณา" (ad preferences) เพื่อเพิ่มหรือลบหัวข้อที่ไม่อยากให้ยิงโฆษณามาหาได้ และบริษัทยังยืนยันว่าจะไม่ยิงโฆษณาที่อิงจากบทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องละเอียดอ่อน เช่น มุมมองทางศาสนา, รสนิยมทางเพศ, ความคิดเห็นทางการเมือง, สุขภาพ, เชื้อชาติ, ความเชื่อทางปรัชญา หรือการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเดิมของบริษัท (แต่ต้องเข้าใจนะครับว่า Meta ยังคงอนุญาตให้มีโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเหล่านี้ได้ เพียงแต่จะไม่ยิงโฆษณาโดยอิงจากความสนใจของผู้ใช้ในหัวข้อนั้นๆ)

ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานว่าผู้ใช้งานบางคนรู้สึกอับอาย หลังจากที่พวกเขาเผลอแชร์บทสนทนาส่วนตัวกับ AI (ที่คิดว่าคุยกันแบบส่วนตัว) เช่น เรื่องปัญหาความสัมพันธ์หรือการเงิน ออกไปเป็นสาธารณะโดยไม่รู้ตัว ซึ่งต่อมา Meta ได้เพิ่มหน้าต่างแจ้งเตือน (pop-up) ก่อนที่ผู้ใช้จะโพสต์บทสนทนากับ AI ไปยังฟีดสาธารณะที่ชื่อว่า Discover

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฟีด Discover นี้ก็ได้ถูกแทนที่ด้วย "Vibes" ซึ่งเป็นฟีดวิดีโอที่สร้างโดย AI จากผู้ใช้งานให้เลื่อนดูกันได้ไม่รู้จบ

ดังนั้น เมื่อการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลบังคับใช้ปลายปีนี้ ถ้าคุณใช้เวลาดูวิดีโอสุนัขที่ AI สร้างขึ้นใน Vibes มากเกินไป ก็เตรียมตัวเจอกับโฆษณาเกี่ยวกับสุนัขบน Instagram ได้เลยครับ!

#DRKRIT #drkrit.com #กระแสไอที #ข่าวไอที #ไทยสมาร์ทซิตี้