บริษัทชิปดัตช์ไปติดกับอยู่กลางสงครามเทคฯ สหรัฐฯ-จีน ได้อย่างไร?
เรื่องมีอยู่ว่า รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินใจเข้าควบคุมบริษัทชิปแห่งหนึ่งในประเทศที่มีเจ้าของเป็นคนจีนครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากถูกกดดันจากฝั่งวอชิงตัน (สหรัฐฯ) ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้มันสะท้อนให้เห็นเลยว่า ประเทศต่างๆ กำลังตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นคนกลางในศึกชิงความเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
บริษัทที่ว่านี้ชื่อ Nexperia ครับ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองไนเมเคิน (Nijmegen) พวกเขาผลิตชิปแบบ low-end (คือชิปที่ไม่ซับซ้อนมาก) ป้อนให้กับกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค, อุตสาหกรรมรถยนต์ และการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม แถมยังมีโรงงานผลิตชิปในเยอรมนีกับสหราชอาณาจักรด้วย
เมื่อวันอาทิตย์ รัฐบาลดัตช์ประกาศว่าได้เข้าควบคุมบริษัทนี้แล้ว ทาง Nexperia ก็ออกมาบอกว่า CEO และผู้ถือหุ้นอย่างคุณ Zhang Xuezheng ถูกสั่งพักงานตามคำสั่งศาล
เรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปครับ เอกสารศาลที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันอังคาร ระบุว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่อเมริกันได้ไปบอกกับรัฐบาลดัตช์ว่า คุณ Zhang เนี่ย "น่าจะต้อง" ถูกเปลี่ยนตัว ถ้าบริษัทอยากจะได้รับการยกเว้นจากบัญชีดำ (Entity List) ของสหรัฐฯ ที่รวบรวมบริษัทที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติหรือผลประโยชน์ด้านนโยบายต่างประเทศ
(บริษัทที่อยู่ในบัญชีดำที่ว่านี้ จะโดนจำกัดการส่งออกสินค้าจากสหรัฐฯ ครับ)
การตัดสินใจที่ "เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก" (rare move) ของอัมสเตอร์ดัม (รัฐบาลดัตช์) เกิดขึ้นหลังจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมันปะทุขึ้นมาอีกรอบ ส่วนหนึ่งก็เพราะวอชิงตันเพิ่งยกระดับการควบคุมการส่งออกไปเมื่อปลายเดือนกันยายน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพิ่งขยายขอบเขตของบัญชีดำนี้ครั้งใหญ่เลยครับ โดยประกาศ "กฎ 50%" (50% rule) คือถ้าบริษัทลูกที่ถูกถือหุ้นอย่างน้อย 50% โดยบริษัทแม่ที่อยู่ในบัญชีดำอยู่แล้ว บริษัทลูกก็จะโดนข้อจำกัดเดียวกันไปด้วย
กฎใหม่นี้ (ที่มีช่วงผ่อนผันถึงเดือนพฤศจิกายนในบางกรณี) มันส่งผลกระทบเต็มๆ กับ Nexperia เพราะพวกเขาเป็นบริษัทลูกที่ Wingtech (บริษัทจีนกึ่งรัฐวิสาหกิจ) ถือหุ้น 100% ซึ่ง Wingtech เนี่ย อยู่ในบัญชีดำมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ฝั่งปักกิ่งก็โกรธที่วอชิงตันมาขยายวงจำกัดการค้า เลยตอบโต้ด้วยการคุมเข้มการส่งออก "แรร์เอิร์ธ" (rare earths) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำเอาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีรอบใหม่แบบสูงลิ่วเลย
เอกสารจากศาลอุทธรณ์อัมสเตอร์ดัม อ้างถึงการประชุมเมื่อเดือนมิถุนายน ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ กับสำนักความมั่นคงระหว่างประเทศและการไม่แพร่ขยายอาวุธของสหรัฐฯ บันทึกการประชุมระบุว่า: "ข้อเท็จจริงที่ว่า CEO ของบริษัทยังคงเป็นเจ้าของคนเดิมที่เป็นชาวจีน ถือเป็นปัญหา" และ "ค่อนข้างแน่นอนว่า CEO จะต้องถูกเปลี่ยนตัว เพื่อให้มีคุณสมบัติได้รับการยกเว้นจากบัญชีดำ"
เอกสารยังระบุด้วยว่า กระทรวงเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์ได้แจ้ง Nexperia ถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะประกาศใช้ "กฎ 50%" ที่ว่านี้
เมื่อวันพุธ CNN ไปสอบถาม Nexperia ว่าแรงกดดันจากสหรัฐฯ มีส่วนกับการตัดสินใจของรัฐบาลดัตช์หรือไม่ Nexperia ก็ชี้ไปที่แถลงการณ์เมื่อวันอังคาร โดยบอกว่ารัฐบาลดัตช์ "สังเกตเห็น" ว่าการดำเนินงานของ Nexperia ในยุโรปกำลัง "ถูกบั่นทอนในลักษณะที่ยอมรับไม่ได้" (compromised in an unacceptable manner) ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าชิปที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมยุโรปอาจจะขาดแคลน
คุณ Hannes van Raemdonck หัวหน้าฝ่าย Advocacy and Alliances ของ Nexperia บอกกับ CNN ว่า "สำคัญมากที่ต้องชี้แจงว่า นี่ไม่ใช่การต่อต้านจีนหรือพลเมืองจีนนะครับ"
CNN พยายามติดต่อ Wingtech (บริษัทแม่) และกระทรวงพาณิชย์ของจีน เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐฯ ในการเข้ายึด Nexperia ครั้งนี้ด้วยครับ
ก่อนหน้านี้ กระทรวงเศรษฐกิจของดัตช์อ้างเหตุผลในการเข้าควบคุม Nexperia ว่ามี "ข้อบกพร่องด้านธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง" (serious governance shortcomings) และระบุเมื่อวันอาทิตย์ว่า การดำเนินการที่ "พิเศษอย่างยิ่งยวด" (highly exceptional) นี้ ก็เพื่อป้องกันสถานการณ์ที่ Nexperia ผลิตสินค้าที่อาจจะ "ขาดตลาด" ไปในยามฉุกเฉิน
ในแถลงการณ์วันอังคาร Nexperia ยังบอกด้วยว่า การแทรกแซงของรัฐบาลครั้งนี้ (ซึ่งห้าม Nexperia โยกย้ายส่วนต่างๆ ของบริษัท หรือตัดสินใจเรื่องอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต) จะมีผลเป็นเวลา 1 ปี พวกเขายังเสริมว่า มั่นใจว่าจะหาทางออกเรื่องมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ได้
Nexperia ยังเปิดเผยด้วยว่า ในทำนองเดียวกัน จีนก็เพิ่งใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเมื่อต้นเดือนตุลาคม ห้าม Nexperia และบริษัทในเครือส่งออกชิ้นส่วนบางอย่างที่ผลิตในจีนเหมือนกัน บริษัทบอกว่ากำลัง "เจรจากับทางการจีนอย่างแข็งขัน" เพื่อขอรับการยกเว้นข้อจำกัดนี้
ส่วนบริษัทแม่คือ Wingtech ก็ออกมาประกาศลั่นว่าจะ "ไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันทางการเมืองจากภายนอก" และคัดค้าน "การปฏิบัติอย่างเลือกที่รักมักที่ชัง" (discriminatory treatment) ครับ บอกด้วยว่าได้เริ่มดำเนินการทุกช่องทาง ทั้งกฎหมายและการทูต เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดัตช์ยกเลิกการเข้าควบคุมนี้
ในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ Wingtech บอกว่า "การตัดสินใจของรัฐบาลดัตช์ที่มาอายัดการดำเนินงานทั่วโลกของ Nexperia โดยอ้างเหตุ 'ความมั่นคงแห่งชาติ' แบบลอยๆ ถือเป็นการแทรกแซงที่เกินขอบเขต ซึ่งขับเคลื่อนด้วยอคติทางภูมิรัฐศาสตร์ มากกว่าการประเมินความเสี่ยงตามข้อเท็จจริง"
เมื่อวันพุธ มีนักข่าวไปถามโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้ยืนยันว่าจีนได้สั่งแบนการส่งออกสินค้าของ Nexperia จริงหรือไม่ คุณ Lin Jian โฆษกฯ ตอบโดยเรียกร้องให้ "ประเทศที่เกี่ยวข้อง" (relevant countries) "ยึดมั่นในหลักการตลาดอย่างจริงจัง และละเว้นจากการนำประเด็นเศรษฐกิจและการค้ามาเป็นเรื่องการเมือง"
"จีนมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์อันชอบธรรมของตน" คุณ Lin กล่าว
เมื่อวันอังคาร Global Times (สื่อแท็บลอยด์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน) ก็ตีพิมพ์บทบรรณาธิการแบบดุเดือดเลยครับ กล่าวหาอัมสเตอร์ดัมว่าใช้ "พฤติกรรมนักล่า" (predatory actions) ซึ่งถือเป็น "การคุกคามอย่างร้ายแรง" ต่อบริษัทของจีน
บทบรรณาธิการระบุว่า "การกระทำของรัฐบาลดัตช์ต่อ Nexperia นั้นเลวร้ายอย่างยิ่ง มันเกินขอบเขตการกำกับดูแลทางการค้าปกติไปไกล และแฝงไปด้วยการบีบบังคับทางการเมืองและการเลือกปฏิบัติอย่างโจ่งแจ้ง" ... "นี่ไม่ควรมองว่าเป็นแค่ข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลดัตช์กับบริษัทจีน แต่มันคือการเหยียบย่ำกฎกติการะหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้งโดยเนเธอร์แลนด์"
#DRKRIT drkrit.com #กระแสไอที #ข่าวไอที #ไทยสมาร์ทซิตี้